ads by google

วันเสาร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2555

อวัยวะเพศภายใน เพศหญิง

มดลูก (Uterus) 
        มดลูกเป็นอวัยวะที่ประกอบด้วยกล้ามเนื้อเป็นผนังหนา ซึ่งเป็นที่ฟูมฟักการเจริญเติบโตของทารกช่วงที่อยู่ในครรภ์ โดยปกติจะมีขนาดยาว 3 นิ้ว รูปร่างคล้ายลูกแพร์ หรือ ชมพู่ มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2.5 –3 นิ้ว ที่บริเวณช่วงบนมีปากมดลูกมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 นิ้ว ระหว่างตั้งครรภ์มดลูกจะขยายใหญ่ออก มดลูกแบ่งได้เป็น 2 ส่วน คือ ตัวมดลูก (body) และปากมดลูก หรือคอมดลูก บริเวณรอยต่อของทั้งสองส่วนคือ อิสธ์มัส (isthmus) ปากมดลูกจะไม่ไวต่อผิวสัมผัส แต่จะไวต่อการกดบริเวณปากมดลูกจะมีช่องเปิดเรียกว่า ช่องปากมดลูก (os) ภายในโพรงมดลูกจะกว้างแตกต่างกันในแต่ละส่วน ผนังมดลูกมี 3 ชั้น ชั้นนอกมีลักษณะบาง เรียกว่า เพอริมีเทรียม (perimetrium) ส่วนกลางเป็นกล้ามเนื้อที่หนา เรียกว่า มัยโอมีเทรียม (myometrium) และชั้นในมีเส้นเลือดและต่อมอยู่มากมาย เรียกว่า เอ็นโดมีเทรียม (endometrium) ผนังมดลูกชั้นในนี้เป็นส่วนสำคัญในการมีประจำเดือนและการเจริญเติบโตของตัวอ่อน (embryo) 

รังไข่และท่อนำไข่ (Ovaries and fallopian tube) 
รังไข่ มีอยู่ 2 ข้างทางปีกซ้ายและขวาของท่อรังไข่ ทำหน้าที่สร้างไข่ และผลิตฮอร์โมนเพศหญิง 2 ชนิด คือ เอสโตรเจน (estrogen) และ โปรเจสเตอโรน (progesterone) ในแต่ละเดือน รังไข่จะสร้างไข่สลับกันซ้าย-ขวา ไข่ที่สร้างขึ้นจะสุกงอมและเกิดการตกไข่ในแต่ละเดือน หากไข่ไม่ได้รับการผสมกับตัวอสุจิ ก็จะสลายตัวพร้อมกับการหลุดลอกของผนังมดลูก กลายเป็นประจำเดือน 

ในผู้หญิงที่โตเต็มวัย บริเวณผิวของรังไข่จะมีลักษณะเป็นหลุมขรุขระไม่เรียบ เนื่องจากมีไข่อยู่ภายในรังไข่ ภายในรังไข่จะมีฟอลลิเคิลหลายระยะตั้งแต่ระยะไข่อ่อนจนเป็นไข่สุก รังไข่แยกได้เป็นสองส่วน คือส่วนที่เป็นเนื้อกลาง (central medulla) และชั้นนอก (cortex) ส่วนที่พาดระหว่าง รังไข่ไปต่อกับส่วนบนของมดลูกนั้น คือ ท่อปีกมดลูก (follopian tubes) ปลายสุดของปีกมดลูกด้านที่ติดกับรังไข่จะมีลักษณะคล้ายมือ เรียกว่า ฟิมเบรีย (fimbriae) ซึ่งจะไม่ติดกับรังไข่ แต่จะอยู่รอบ รังไข่ ส่วนของท่อนำไข่ที่อยู่ติดกับฟิมเบรียนั้น เรียกว่า อินฟันดิบูลัม (infundibulum) เป็นส่วนที่หนาที่สุดของท่อนำไข่ ภายในท่อนำไข่จะเป็นรูแคบ ๆ ตลอดแนวของท่อนำไข่ ภายในจะคลุมด้วยขนอ่อน ๆ เล็ก ๆ เรียกว่า ซีเลีย (cilia) การเคลื่อนไหวของซีเลียจะทำให้ไข่เคลื่อนไหวไปตามท่อนำไข่ไปสู่มดลูก ถ้ามีการผสมของไข่กับสเปอร์มก็จะเกิดขึ้นภายในท่อนำไข่นี้และซีเลีย(ขนเล็กๆ) ก็จะเคลื่อนไหวทำให้ไข่ที่ถูกผสมแล้วเข้าไปฝังตัวในมดลูก และเจริญเติบโตเป็นทารกในครรภ์ หรือฟีตัส (fetus) ต่อไป


อวัยวะเพศภายนอก เพศหญิง

อวัยวะสืบพันธุ์เพศหญิง (Female sexual organs)

          อวัยวะเพศ ก็เป็นอวัยวะของร่างกาย เหมือนกับตา ปากและอื่นๆ การที่เรารู้จักร่างกายของเราทุกส่วน จะทำให้เราสามารถสังเกตอาการผิดปกติได้ และเกิดประสิทธิภาพในการรักษา อวัยวะเพศหญิง แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ อวัยวะเพศภายนอกและอวัยวะเพศภายใน 



โยนี (Vulva) เป็นอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกของผู้หญิง อยู่ระหว่างขาทั้งสองข้างและอยู่ด้านหน้าและใต้กระดูกหัวเหน่า โยนี (vulva) เป็นบริเวณที่ไวต่อการกระตุ้นให้เกิดอารมณ์ทางเพศของผู้หญิง ประกอบด้วยส่วนที่เห็นได้ชัดเจนเป็นพิเศษคือ เนินหัวเหน่า (mons) และแคมใหญ่ (major libs/ labia majora)
  • เนินอวัยวะเพศ เป็นส่วนผิวหน้าคลุมเนื้อนูนเนื้อหัวเหน่า บริเวณนี้ประกอบด้วยผิวหนังนูนเป็นเนินของชั้นไขมัน เมื่อเริ่มเข้าสู่วัยรุ่นจะมีขนเจริญงอกคลุมเนินนูนไว้ และอยู่บนกระดูกหัวเหน่า มีลักษณะคล้ายรูปสามเหลี่ยม บริเวณเนินหัวเหน่านี้จะมีปลายประสาทมาเลี้ยงจำนวนมาก และผู้หญิงส่วนใหญ่พบว่าถ้าถูหรือลูบคลำบริเวณนี้จะกระตุ้นให้เกิดอารมณ์ทางเพศ
  • แคมใหญ่ จะปิดปุ่มคลิตอริสไว้ และจะยาวไปถึงด้านหลังก่อนถึงทวารหนัก แคมใหญ่จะหนาและมีขนปกคลุมอยู่ด้านนอก ส่วนด้านในจะมีสีคล้ำ และเป็นลายๆ มีลักษณะเป็นลอนของผิวหนัง 2 ลอน ซึ่งยื่นจากบริเวณหัวเหน่า (mons pubis) ลงมาบริเวณระหว่างขาทั้งสองข้าง มีลักษณะค่อนข้างแบน ในหญิงบางคนจะมีลักษณะบางไม่ชัดเจน แต่ในหญิงบางคนจะนูนหนา ในช่วงวัยรุ่นผิวของแคมใหญ่จะค่อนข้างคล้ำ และมีขนขึ้นที่ผิวด้านนอก แคมใหญ่จะปกคลุมและปกป้องอวัยวะเพศที่ไวต่อการสัมผัสที่อยู่ข้างในของผู้หญิง ถ้าไม่ถ่างแคมใหญ่ให้แยกออกจากกันจะไม่สามารถมองเห็นได้ ดังนั้นการที่จะตรวจดูด้วยตนเองจึงต้องถ่างขาออกให้แคมใหญ่แยกจากกันและใช้กระจกส่องดูส่วนอื่น ๆ ที่อยู่ภายใน จึงจะมองเห็นได้
  • แคมเล็ก จะเป็นส่วนที่เชื่อมติดกับปุ่มคลิตอริส แคมเล็กจะบางกว่าแคมใหญ่ สีสันจะแตกต่างกันออกไปตั้งแต่ชมพูอ่อนจนถึงสีน้ำตาลเข้ม บางคนอาจมีแคมใหญ่กว่าคนอื่น หรือบางคนอาจมีแคมเล็กห้อยออกมาใต้แคมใหญ่ก็ได้ ไม่มีขน มีลักษณะย่นและขอบไม่เท่ากัน ซึ่งจะทอดยาวขึ้นด้านบน กลายเป็นแผ่นคลุมปุ่มกระสัน หรือเม็ดละมุด (clitoris)
  • คลิตอริส หรือปุ่มกระสัน เทียบได้กับอวัยวะเพศชาย คือ องคชาต ประกอบด้วยเนื้อเยื่อที่แข็งตัวขยายและหดตัวได้เล็กน้อย อยู่เหนือรูเปิดของช่องปัสสาวะเล็กน้อย สามารถแข็งตัวได้เช่นเดียวกับองคชาต หรือเม็ดละมุด (Clitoris) เป็นส่วนหนึ่งของอวัยวะสืบพันธุ์ที่ไวต่อการกระตุ้นทางเพศมาก การกระตุ้นปุ่มกระสันที่เหมาะสมทำให้ผู้หญิงบรรลุจุดสุดยอดได้ ปุ่มกระสันจะสังเกตได้ชัด เพราะเป็นปุ่มที่ยื่นออกมาจากผิวหนังที่คลุมอยู่ตรงรอยต่อด้านบนของแคมเล็ก

    ส่วนประกอบภายนอกของปุ่มกระสันประกอบด้วย ยอดของปุ่มมีลักษณะกลมเป็นส่วนหัว (glans) ส่วนก้าน (shaft) ทอดตัวอยู่ด้านหลังและใต้หนังหุ้มปุ่มกระสัน เรียกว่า หนังหุ้มปุ่มกระสัน (prepuce) ส่วนหัว (glans) เป็นส่วนเดียวที่เป็นอิสระ แต่โดยปกติจะเคลื่อนไหวได้น้อยมาก ส่วนก้าน (shaft) จะติดอยู่กับร่างกายซ่อนอยู่ด้านใน

    ปุ่มกระสัน (clitoris) ประกอบด้วย เนื้อเยื่อคล้ายฟองน้ำ (spongy tissue) จำนวน 2 แท่ง ปุ่มกระสันจะมีขนาดยาวกว่าหนึ่งนิ้วเพียงเล็กน้อย จะสามารถมองเห็นเพียงแค่ปลาย (glans) เท่านั้น แต่ถ้าแข็งตัวจะขยายใหญ่มากขึ้น ในช่วงเริ่มต้นของการกระตุ้น ใต้หนังหุ้มปุ่มกระสัน (prepuce of clitoris) จะมีต่อมเล็กๆ ที่ทำหน้าที่ผลิตไขมันออกมาผสมกับสารคัดหลั่งตัวอื่น และเมื่อรวมตัวกันแล้วจะกลายเป็นสารชนิดหนึ่งที่เรียกว่า สเม็กม่า (smegma) หรือขี้เปียก ถ้าสเม็กม่าสะสมรอบก้านของปุ่มกระสันมากๆ อาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้ อันจะนำมาซึ่งความเจ็บปวด
  • ช่องคลอด มีความยาวประมาณ 3-4 นิ้ว มีความยืดหยุ่นที่จะยืดตัวตามความกว้างและความยาวได้ มีลักษณะเป็นท่อของกล้ามเนื้อเรียบ เป็นส่วนที่สำคัญของผู้หญิงในการให้ความสุขทางเพศ และเป็นทางเดินของน้ำอสุจิในการร่วมเพศระหว่างหญิงกับชาย ผนังกล้ามเนื้อของช่องคลอด ซึ่งยืดหยุ่นได้และย่นหดเป็นลอนคลื่น กล้ามเนื้อรอบ ๆ ทางเปิดช่องคลอดมี 2 ชุด คือ กล้ามเนื้อหูรูดรอบช่องคลอด (sphincter vaginae) และกล้ามเนื้อยึดดึงทวารหนัก (levator ani) ผู้หญิงสามารถควบคุมกล้ามเนื้อเหล่านี้ได้ในระดับหนึ่ง กล้ามเนื้อนี้สามารถหดตัวและผ่อนคลายได้เหมือน ๆ กับกล้ามเนื้อหูรูดรอบ ๆ ทวารหนัก กล้ามเนื้อเหล่านี้จะมีบทบาทสำคัญในการตอบสนองเมื่อถึงจุดสุดยอด อย่างไรก็ตามการหดตัวของกล้ามเนื้อรอบๆ ช่องคลอดนี้ ไม่สามารถจะยึดให้องคชาตติดอยู่ภายในช่องคลอด (penis captivus)ได้ ในระหว่างที่มีการกระตุ้นทางเพศในผู้หญิงนั้น สารหล่อลื่นจะถูกขับออกมาหล่อลื่นช่องคลอดตลอดแนวของช่องคลอด
  • เยื่อพรหมจรรย์ คนทั่วไปมักเข้าใจผิดว่า เยื่อพรหมจรรย์เป็นเยื่อแผ่นบางๆ คล้ายกระดาษทิชชู ซึ่งฉีกขาดได้ง่าย เป็นสัญลักษณ์ของหญิงที่ไม่เคยร่วมเพศมาก่อน ที่จริงแล้วเยื่อพรหมจรรย์ไม่ใช่เยื่อบางๆ แต่เป็นขอบของเนื้อเยื่อที่มีลักษณะคล้ายวงแหวน เป็นขอบโดยรอบปากช่องคลอด อยู่ถัดจากปากช่องคลอดเข้ามาราว 1 ซม. ซึ่งจะฉีกขาดได้ง่ายจากการเล่นกีฬา หรือปั่นจักรยาน

วันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ท่อนำไข่ (Oviduct)

ท่อนำไข่ (Oviduct) หรือ ปีกมดลูก (Fallopian) เป็นทางเชื่อมต่อระหว่างรังไข่ทั้งสองข้างกับมดลูก ภายในกลวง มีเส้นผ่านศูนย์ประมาณ 2 มิลลิเมตร มีขนาดปรกติเท่ากับเข็มถักไหมพรหม ยาวประมาณ 6  7 เซนติเมตร หนา  1 เซนติเมตร ทำหน้าที่เป็นทางผ่านของไข่ที่ออกจากรังไข่เข้าสู่มดลูก โดยมีปลายข้างหนึ่งอยู่ใกล้กับรังไข่เรียกว่า ปากแตร (Funnel)บุด้วยเซลล์ที่มีขนสั้น ๆ ทำหน้าที่พัดโบกไข่ที่ตกลงมาจากรังไข่ให้เข้าไปในท่อนำไข่ ท่อนำไข่เป็นบริเวณที่อสุจิจะเข้าปฏิสนธิกับไข่

รังไข่ (Ovary)


รังไข่ (Ovary) มีรูปร่างคล้ายเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ยาวประมาณ 2  3 เซนติเมตร หนา 1 เซนติเมตร มีน้ำหนักประมาณ 2  3 กรัม และมี 2 อัน อยู่บริเวณปีกมดลูกแต่ละข้าง ทำหน้าที่ดังนี้
1.1 ผลิตไข่ (Ovum) ซึ่งเป็นเซลล์สืบพันธุ์เพศหญิง โดยปรกติไข่จะสุกเดือนละ 1 ใบ จากรังไข่แต่ละข้างสลับกันทุกเดือน และออกจากไข่ทุกรอบเดือนเรียกว่า การตกไข่ ตลอดช่วงชีวิตของเพศหญิงปรกติจะมีการผิตไข่ประมาณ 400 ใบ คือเริ่มตั้งแต่อายุ 12 ปี ถึง 50 ปี จึงหยุดผลิต เซลล์ไข่จะมีอายุอยู่ได้ประมาณ 24 ชั่วโมง
1.2 ร้างฮอร์โมนเพศหญิง ซึ่งมีอยู่หลายชนิด ที่สำคัญได้แก่
1) เอสโตรเจน (Estrogen) เป็นฮอร์โมนที่สร้างจากฟอลลิเคิล ทำหน้ามี่ควบคุมเกี่ยวกับมดลูก ช่องคลอด ต่อมน้ำนม และควบคุมการเกิดลักษณะต่าง ๆ ของเพศหญิง เช่น เสียงแหลมเล็ก ตะโพกผาย หน้าอกและอวัยวะเพศขยายใหญ่ขึ้น เป็นต้น
2) โปรเจสเตอโรน (Progesterone) เป็นฮอร์โมนที่สร้างจากคอร์ปัส ลูเทียม ทำงานร่วมกับเอสโตรเจนในการควบคุมเกี่ยวกับการเจริญของมดลูก การเปลี่ยนแปลงเยื่อบุมดลูกเพื่อเตรียมรับไข่ที่ผสมแล้ว

ระบบสืบพันธุ์เพศหญิง


ระบบสืบพันธุ์เพศหญิง




   ช่องคลอดจะเปิดออกภายนอกที่โยนีซึ่งประกอบด้วยแคม คลิตอริส และท่อปัสสาวะ ในระหว่างการมีเพศสัมพันธ์บริเวณเหล่านี้จะหล่อลื่นด้วยเมือกซึ่งคัดหลังจากต่อมบาร์โธลีน (Bartholin's glands) ช่องคลอดต่อเนื่องกับมดลูกโดยมีปากมดลูกอยู่ระหว่างกลาง ในขณะที่มดลูกต่อเนื่องกับรังไข่ผ่านทางท่อนำไข่ ในทุกๆ ช่วงรอบประมาณ 28 วันรังไข่จะปล่อยไข่ออกมาผ่านท่อนำไข่เข้าไปยังมดลูก เยื่อบุมดลูกซึ่งดาดอยู่ด้านในมดลูกและไข่ที่ไม่ได้รับการผสมกับอสุจิจะไหลออกและถูกกำจัดออกไปทุกรอบเดือน ซึ่งเราเรียกกระบวนการนี้ว่า การมีประจำเดือน (menstruation)ระบบสืบพันธุ์เพศหญิงประกอบด้วยอวัยวะซึ่งส่วนใหญ่อยู่ภายในร่างกายและรอบๆ บริเวณเชิงกรานซึ่งทำหน้าที่ในกระบวนการสืบพันธุ์ ระบบสืบพันธุ์เพศหญิงประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ได้แก่ ช่องคลอดทำหน้าที่รองรับอสุจิจากเพศชาย, มดลูกซึ่งช่วยรองรับทารกในครรภ์ และรังไข่ทำหน้าที่ผลิตไข่ เต้านมก็เป็นอวัยวะสืบพันธุ์ที่สำคัญอย่างหนึ่งในระยะการดูแลทารก

ลักษณะเฉพาะทางเพศขั้นทุติยภูมิในเพศหญิงได้แก่ การมีร่างกายเล็กกว่าเพศชาย ร่างกายมีร้อยละของไขมันสูง สะโพกกว้างขึ้น การเจริญของต่อมน้ำนมและเต้านมขยายขนาด ฮอร์โมนเพศที่สำคัญในเพศหญิงคือเอสโตรเจนและโพรเจสเตอโรน

อวัยวะสืบพันธุ์เพศหญิงภายนอก 1. ขนหัวหน่าว, 2.หนังหุ้มคลิตอริส, 3. คลิตอริส, 4. แคมใหญ่, 5. แคมเล็ก (ปิดช่องคลอด), 6. ฝีเย็บ


ต่อมเสริม


  • ต่อมเสริม (accessory glands) เป็นต่อมที่สร้างสารอาหารเลี้ยงตัวอสุจิ และช่วยอำนวยความสะดวกในการลำเลียงตัวอสุจิออกสู่ภายนอก ได้แก่ ต่อมสร้างน้ำเลี้ยงตัวอสุจิ (seminal vesicle) ต่อมลูกหมาก (prostate gland) และต่อมคาวเปอร์ (Cowper''s gland)
  • ต่อมสร้างน้ำเลี้ยงตัวอสุจิ ลักษณะเป็นท่อ 2 ท่อขดไปมา ทำหน้าที่ในการสร้างน้ำเลี้ยงอสุจิซึ่งได้แก่ น้ำตาลฟรุกโตส และวิตามินซี
  • ต่อมลูกหมาก ทำหน้าที่สร้างสารสีขาวคล้ายน้ำนมซึ่งมีกลิ่นเฉพาะตัว สารจากต่อมลูกหมากมีฤทธิ์เป็นเบสอ่อนๆ ช่วยลดความเป็นกรดในท่อปัสสาวะและป้องกันอันตรายจากความเป็นกรดในช่องคลอดของฝ่ายหญิง ต่อมลูกหมากจะมีขนาดโตขึ้นเมื่อชายมีอายุมากขึ้น ต่อมลูกหมากอยู่ตอนต้นของท่อปัสสาวะ ทำหน้าที่หลั่งสารที่มีฤทธิ์เป็นเบสอ่อนๆ เข้าไปในท่อปัสสาวะเพื่อปรับความเป็นกรดเบสเมื่อผ่านเข้าภายในช่องคลอด และสารสีขาวเพื่อช่วยให้ตัวอสุจิแข็งแรงและว่องไว ขณะเคลื่อนเข้าไปในท่อปัสสาวะปนกับน้ำเลี้ยงตัวอสุจิ
  • ต่อมคาวเปอร์ อยู่ใต้ต่อมลูกหมาก มี 2 ต่อมขนาดเท่าเมล็ดถั่ว ทำหน้าที่ในการหลั่งสารเหลวใสและเหนียวเพื่อหล่อลื่นในขณะที่เกิดการกระตุ้นทางเพศ สารคัดหลั่งที่สร้างมาจากต่อมคาวเปอร์ช่วยลดความเป็นกรดของน้ำปัสสาวะที่อยู่ในท่อ

ท่อทางเดินของตัวอสุจิ


  • ท่อทางเดินของตัวอสุจิ เป็นท่อนำตัวอสุจิจากอัณฑะออกไปสู่ภายนอก ประกอบด้วยหลอดเก็บตัวอสุจิ (epididymis), ท่อนำตัวอสุจิ (vas deferens), ท่อฉีดตัวอสุจิ (ejaculatory duct) และท่อปัสสาวะ (urethra)
  • หลอดเก็บตัวอสุจิ ทำหน้าที่ในการเก็บตัวอสุจิ และสร้างอาหารเลี้ยงตัวอสุจิ โดยตัวอสุจิจะถูกพักไว้นานถึง 6 สัปดาห์ จนกระทั่งแข็งแรงและพร้อมที่จะผสมกับไข่ได้ต่อไป หลอดเก็บตัวอสุจิอยู่ด้านบนของอัณฑะ มีลักษณะเป็นท่อๆเล็ก ยาวประมาณ 6 เมตร ขดไปมาทำหน้าที่เก็บตัวอสุจิ หลอดเก็บตัวอสุจิทำหน้าที่พักตัวอสุจิสะสมไว้ในอัณฑะ
  • ท่อนำตัวอสุจิ เป็นท่อที่ต่อจากหลอดเก็บตัวอสุจิลงมา มีความยาวประมาณ 18 นิ้ว ทำหน้าที่เป็นทางผ่านของตัวอสุจิ การทำหมันถาวรในเพศชายเป็นการผูกหรือตัดท่อนำตัวอสุจินี้เอง ท่อนำตัวอสุจิทำหน้าที่ลำเลียงตัวอสุจิไปเก็บที่ต่อมสร้างน้ำเลี้ยงอสุจิ นำอสุจิจากอัณฑะไปยังต่อมสร้างน้ำเลี้ยงอสุจิ และเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะ
  • ท่อฉีดตัวอสุจิ ทำหน้าที่ในการบีบตัวปล่อยตัวอสุจิสู่ภายนอก

วันอังคารที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2555

อัณฑะ


  • อัณฑะเป็นต่อมรูปไข่ มี 2 อัน เป็นอวัยวะที่เคลื่อนไหวได้อยู่ในถุงอัณฑะ ซึ่งมีลักษณะเป็นถุงห้อยย้อยภายนอกร่างกาย 2 ถุง มีลักษณะเป็นรูปไข่ ขนาดประมาณ 4x2.5x2 เซนติเมตร หนัก 10-15 กรัม ปกติอัณฑะทางด้านซ้ายจะอยู่ต่ำกว่าทางด้านขวาประมาณ 1 เซนติเมตร
  • ทำหน้าที่สร้างตัวอสุจิ และสร้างฮอร์โมนเพศชาย เพื่อควบคุมลักษณะต่างๆของเพศชาย เช่น การมีหนวด เครา เสียงห้าว ฮอร์โมนเพศชายที่สำคัญคือ testosterone การสร้างตัวอสุจิเกิดขึ้นโดยเซลล์ของผิวภายในหลอดจะแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส เพื่อให้ได้เซลล์สืบพันธุ์ซึ่งมีโครโมโซมลดลงจาก 2n เหลือเพียง n เดียว
  • โครงสร้างภายในอัณฑะประกอบด้วยหลอดสร้างตัวอสุจิ ซึ่งมีลักษณะเป็นท่อเล็กๆ ทำหน้าที่สร้างตัวอสุจิ มีข้างละประมาณ 800 หลอด ยาวทั้งหมดประมาณ 800 เมตร อัณฑะถูกหุ้มด้วยเนื้อเยื่อเกี่ยวพันชนิดหนาที่เรียกว่า tunica albuginea ซึ่งจะให้ผนังแทรกเข้าไปภายในแบ่งอัณฑะออกเป็นโลบูลเล็ก ๆ ประมาณ 200-300 โลบูล ภายในแต่ละโลบูลประกอบด้วยหลอดสร้างตัวอสุจิ และเซลล์เลย์ดิกแทรกอยู่ทั่วไป ซึ่งจะขดไปรวมความยาวทั้งหมดของหลอดสร้างตัวอสุจิแล้วประมาณ 225 เมตร หลอดสร้างตัวอสุจิแต่ละหลอดมาบรรจบกันเป็นท่อตรง แล้วประสานกันเป็นตาข่าย ต่อจากนั้นส่วนตาข่ายก็จะรวมกันกลายเป็นท่อขาออก ทะลุเนื้อเยื่อเกี่ยวพันชนิดหนาเชื่อมต่อกับส่วนหัวของหลอดเก็บตัวอสุจิ
  • หลอดสร้างตัวอสุจิ ลักษณะเป็นท่อที่ขดไปขดมา การสร้างสเปิร์มจะถูกควบคุมโดยฮอร์โมนจากต่อมใต้สมองและฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนจากอัณฑะ 
  • เนื้อเยื่ออินเตอร์สติเชียล เป็นเนื้อเยื่อที่อยู่ระหว่างหลอดสร้างอสุจิ ถูกควบคุมโดยฮอร์โมนจากต่อมใต้สมองส่วนหน้า ทำหน้าที่หลักในการสร้างฮอร์โมนเพศชายเพื่อควบคุมลักษณะทางเพศขั้นที่สอง เช่น เสียงแตก มีหนวด การขยายขนาดของอวัยวะเพศ การมีขนที่อวัยวะเพศ การมีความต้องการทางเพศ เป็นต้น
  • เรตีเทสทีส (rete testis) เป็นท่อรวมของหลอดสร้างตัวอสุจิ ทำหน้าที่หลักเป็นทางผ่านของตัวอสุจิไปยังหลอดเก็บตัวอสุจิต่อไป 
  • ถุงหุ้มอัณฑะอยู่นอกช่องท้อง ทำหน้าที่ควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสมในการสร้างตัวอสุจิ ซึ่งอุณหภูมิจะต่ำกว่าในร่างกายประมาณ 3-5 องศาเซลเซียส ถุงอัณฑะเป็นส่วนผิวหนังที่มีลักษณะเป็นถุงยื่นออกมาจากส่วนล่างของผนังหน้าท้องบริเวณส่วนกลางของถุงอัณฑะมีสันนูนคล้ายรอยเย็บ ซึ่งจะให้ผนังแทรกเข้าไปภายในแยกออกเป็น 2 ถุง ภายในถุงอัณฑะแต่ละข้างประกอบด้วย อัณฑะ หลอดเก็บตัวอสุจิ และปลายด้านล่างของ spermatid cord ผิวหนังของถุงอัณฑะบางและเป็นรอยย่น เนื่องจากในชั้นผิวหนังของถุงอัณฑะมีกล้ามเนื้อเรียบดาร์โทส ซึ่งถูกเลี้ยงโดยระบบประสาทอัตโนมัติชนิดซิมพาเตติก กล้ามเนื้อดาร์โทสจะทำหน้าที่ปรับอุณหภูมิของอัณฑะให้คงที่ ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างและการพัฒนาของตัวอสุจิ ที่ต้องการอุณหภูมิที่ต่ำกว่าอุณหภูมิของร่างกายประมาณ 3-5 องศาเซลเซียส


อวัยวะสืบพันธุ์เพศชายภายนอก

อวัยวะสืบพันธุ์เพศชายภายนอก เป็นอวัยวะส่วนที่สามารถมองเห็นได้จากภายนอก ประกอบด้วยองคชาติซึ่งเป็นอวัยวะที่ใช้ในการร่วมเพศ เป็นทางผ่านของตัวอสุจิและน้ำปัสสาวะออกสู่ภายนอก ภายในองคชาติประกอบด้วยเนื้อเยื่อที่แข็งตัวได้ ส่วนปลายสุดจะพองออก อวัยวะสืบพันธุ์เพศชายภายนอกที่มองเห็นได้อีกอย่าง คือ ถุงอัณฑะ ซึ่งเป็นส่วนของผิวหนังที่ยื่นออกมาจากช่องท้อง เนื่องจากอัณฑะที่อยู่ในช่องท้องเลื่อนลงมา ถุงอัณฑะทำหน้าที่ควบคุมอุณหภูมิให้แก่อัณฑะ โดยอุณหภูมิของถุงอัณฑะจะต่ำกว่าอุณหภูมิของร่างกายประมาณ 3-5 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการสร้างอสุจิ สำหรับอวัยวะสืบพันธุ์เพศชายภายใน เป็นส่วนที่อยู่ภายใน ไม่สามารถมองเห็นได้จากภายนอก 


ระบบสืบพันธุ์เพศชาย

ระบบสืบพันธุ์เพศชาย 


               ระบบสืบพันธุ์ทั้งในเพศชายและเพศหญิง เป็นระบบที่สำคัญต่อการดำรงรักษาเผ่าพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตให้สืบต่อไปชั่วลูกชั่วหลาน โดยจะทำหน้าที่สร้างเซลล์สืบพันธุ์และเลี้ยงดูจนกลายเป็นตัวเต็มวัยออกมา โดยมีสารพันธุกรรมจากพ่อและแม่เป็นตัวกำหนดลักษณะตลอดจนเพศของลูกตั้งแต่มีการปฏิสนธิ ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงของอวัยวะในระบบสืบพันธุ์ทั้งภายในและภายนอกของเพศชายและเพศหญิง จะมีการพัฒนามาตั้งแต่ระยะที่อยู่ในท้องของแม่แล้ว โดยจะมีการพัฒนาควบคู่มากับระบบขับถ่าย ผลจาก Y chromosome ในตัวอ่อนเพศชายจะกระตุ้นให้มีการพัฒนาอวัยวะของระบบสืบพันธุ์ชาย แต่ในตัวอ่อนเพศหญิงไม่มี Y chromosome จึงมีการพัฒนาให้เป็นอวัยวะของระบบสืบพันธุ์เพศหญิงแทน


            ระบบสืบพันธุ์เพศชาย เป็นระบบที่ทำหน้าที่ในการสร้างเซลล์สืบพันธุ์ คือ ตัวอสุจิและทำหน้าที่ในการนำส่งตัวอสุจิเข้าไปในอวัยวะสืบพันธุ์เพศหญิงเพื่อผสมกับเซลล์ไข่ต่อไป นอกจากนี้ยังทำหน้าที่สร้างฮอร์โมนเพศชายอีกด้วย โดยทั่วไป เพศชายจะเข้าสู่วัยที่สร้างตัวอสุจิ เมื่ออายุประมาณ 12-13 ปี สร้างไปตลอดชีวิต การหลั่งอสุจิแต่ละครั้งจะมีของเหลวออกมาประมาณ 3-4 ลบ.ซม. ตัวอสุจิประมาณ 350-500 ล้านตัว ผู้ที่มีตัวอสุจิต่ำกว่า 30 ล้านตัวนั้นจะเป็นหมัน ตัวอสุจิเคลื่อนที่ได้ประมาณ 1-3 มิลิเมตร ต่อนาที ตัวอสุจิเมื่อเคลื่อนที่ออกภายนอกมีชีวิตอยู่ได้เพียง 2-3 ชม. ถ้าอยู่ในมดลูกผู้หญิง จะอยู่ได้นานถึง 24-48 ชม.